
หลิว
หลิว สรรพคุณและประโยชน์ของต้นหลิว
หลิว ชื่อสามัญ Weeping Willow
หลิว ชื่อวิทยาศาสตร์ Salix babylonica L. จัดอยู่ในวงศ์สนุ่น (SALICACEAE)
สมุนไพรหลิว มีชื่อเรียกอื่นว่า ลิ้ว (จีนแต้จิ๋ว), หยั่งลิ้ว หลิว (จีนกลาง) เป็นต้น
ลักษณะของต้นหลิว
- ต้นหลิว มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบ มีความสูงของลำต้นประมาณ 10-20 เมตร เรือนยอดโปร่ง เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาล กิ่งก้านสาขาเป็นสีเขียวหรือสีน้ำตาลอ่อน มีลักษณะห้อยลู่ลง ตามกิ่งอ่อนมีขนนุ่มขึ้นเล็กน้อย พรรณไม้ชนิดนี้จัดเป็นไม้กลางแจ้งที่ชอบแสงแดดจัด ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่งและวิธีการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกประเภท มักขึ้นอยู่ตามริมแม่น้ำ
- ใบหลิว ใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะของใบเป็นรูปใบหอกแคบยาวรี ปลายใบยาวแหลมเรียว โคนใบแหลม ส่วนขอบใบหยักเล็กน้อยหรือเป็นจักละเอียดเกลี้ยง ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-6 นิ้ว และยาวประมาณ 3.5-6.5 นิ้ว หลังใบเป็นสีเขียว ส่วนท้องใบเป็นสีขาว มีก้านใบยาวประมาณ 6-12 มิลลิเมตร
- ดอกหลิว ออกเป็นดอกเดี่ยว ดอกเป็นแบบแยกเพศ ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียจะแยกกันอยู่คนละต้น โดยดอกเพศผู้จะมีขนาดยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ดอกไม่มีกลีบดอก
สรรพคุณของต้นหลิว
- ช่อดอกและยอดอ่อนสด นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาลดไข้ (ช่อดอกและยอดอ่อน)
- กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาช่วยขับลมได้ (กิ่ง)
- ใช้เป็นยาแก้ขัดเบา ช่วยขับนิ่ว ขับปัสสาวะ ด้วยการใช้กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกิน (กิ่ง)
- กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ตับอักเสบ (กิ่ง) ในการใช้ป้องกันโรคตับอักเสบชนิดเอ ให้ใช้กิ่งและใบสดประมาณ 60 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกิน โดยแบ่งกินเป็น 2 ครั้ง ติดต่อกัน 7 วัน (กิ่งและใบ)
- ช่วยแก้อาการบวมน้ำ ด้วยการใช้กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกิน (กิ่ง)
- ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำกิ่งสดมาเผาไฟจนเป็นถ่าน แล้วนำมาบดให้เป็นผงละเอียด ร่อนผงผสมกับน้ำมันงาทำเป็นขี้ผึ้งเหลว ใช้เป็นยาทาบริเวณแผล เมื่อทาไปประมาณ 3-4 ชั่วโมง แผลจะค่อย ๆ แห้งตกสะเก็ดและรู้สึกเจ็บ และให้ทาซ้ำบริเวณแผลให้ชุ่ม อย่าเช็ดยาบนแผลออกเด็ดขาด เวลาเปลี่ยนยาก็ให้ทาซ้ำไปเลย ปล่อยให้สะเก็ดแผลหลุดเอง โดยให้ทายานี้วันละ 1-2 ครั้ง และไม่ต้องปิดแผล โดยยานี้สามารถใช้รักษาแผลไฟไหม้ระดับสองได้ผลดีมาก (ลวกถึงชั้นหนังแท้ ผิวหนังทำลายและพองทั่วไป) หากรักษาติดต่อกัน 3-14 วัน แผลจะหายเป็นปกติ (กิ่ง)
- กิ่งแห้งนำมาเผาไฟให้เป็นเถ้า แล้วเอาน้ำผสมใช้เป็นยาทารักษาบริเวณที่เป็นฝีคัณฑสูตร รำมะนาด และไฟลามทุ่ง (กิ่ง)
- ช่อดอกและยอดอ่อน ใช้แบบสดนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ปวด (ช่อดอกและยอดอ่อน)
- กิ่งแห้งนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้โรคปวดตามข้อ (กิ่ง)
ประโยชน์ของหลิว
- ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป
- มีข้อมูลระบุว่า ต้นหลิวเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ ความสุข ความร่ำรวย การได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง และหลิวยังเป็นพืชวิเศษที่ชาวจีนเคารพบูชาอีกด้วย (คนจีนไม่นิยมปลูกต้นหลิวไว้ในบ้าน เนื่องจากใบหลิวมีลักษณะลู่ห้อยลงมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคนโศกเศร้า ดูแล้วทำให้อารมณ์เศร้าซึม ว่ากันว่าบ้านใดมีลูกสาวและปลูกต้นหลิวไว้ในบ้าน ลูกสาวบ้านนั้นจะไม่มีคนมาสู่ขอ)
- กิ่งหลิวสามารถนำมาใช้เตรียมเป็นผงถ่านพิเศษหรือกัมมันต์ได้ดี (Activated Charcoal)
- สาร salicin ที่สกัดได้จากต้นหลิวมีผลในการระงับอาการไข้และแก้ปวด จึงมีการนำสารชนิดนี้มาใช้เป็นแหล่งกำเนิดของกรดชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Acetyl salicylic acid ซึ่งใช้เป็นสารที่ใช้สำหรับทำยาแอสไพริน (Aspirin) หรือยาแก้ปวด รักษาอาการไข้ (ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์สามารถทำการสังเคราะห์ยาแอสไพรินขึ้นมาได้เอง โดยมีคุณสมบัติเหมือนกับสาร salicin ในต้นหลิว)