• หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • ความเป็นมา
    • วัตถุประสงค์
    • แนวทางการดำเนินงาน
  • ข่าวสาร
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • ข่าวฝึกอบรม
  • งานอบรม
    • หลักสูตรฝึกอบรม
    • ตารางกิจกรรม
    • คลังวีดีโอ
    • คลังรูปภาพ
  • บริการสถานที่
    • บริการจัดเลี้ยง
    • พิธีหมั้น
    • ประชุม / สัมมนา
  • ร้านค้า
    • สินค้าและโปรโมชั่น
  • ห้องสมุด
    • ประวัติความเป็นมา
    • บริการห้องสมุด
    • นิทรรศการถาวร พิพิธชัยพัฒนา
  • เกร็ดความรู้
    • เกร็ดความรู้ทั่วไป
    • ศูนย์การเรียนรู้อุทยาน พรรณไม้
  • ติดต่อ
  • แผนผังเว็บไซต์

อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา จังหวัดนครปฐม

มะสัง

มะสัง สรรพคุณและประโยชน์ของต้นมะสัง

มะสัง

มะสัง ชื่อสามัญ Wood apple

มะสัง ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus lucida (Scheff.) Mabb. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Feroniella lucida (Scheff.) Swingle) จัดอยู่ในวงศ์ส้ม (RUTACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อย AURANTIOIDEAE

สมุนไพรมะสัง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักสัง (มุกดาหาร), หมากกะสัง มะสัง (ภาคกลาง), กะสัง (ภาคใต้), หมากสัง, กระสัง เป็นต้น

ลักษณะของมะสัง

  • ต้นมะสัง มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเซีย โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงของต้นประมาณ 5-15 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านขนานกับลำต้นหรือออกตั้งฉากกับลำต้น ต้นมีกิ่งก้านจำนวนมาก เปลือกต้นเป็นร่องเล็ก ๆ เปลือกแตกเป็นเกล็ดรูปสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร ต้นแก่เป็นสีเทาถึงดำ ตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมยาว และแข็งตรง ยาวประมาณ 1-5 เซนติเมตร ที่กิ่งอ่อนมีขนขึ้นปกคลุม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด และวิธีการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่อุดมสมบูรณ์ มีความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ ชอบแสงแดดจัด และควรปลูกไว้กลางแจ้ง พบขึ้นได้ทางภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ โดยจะขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง ป่าโคก ทุ่งนา

ใบมะสัง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวหรือสองชั้น ปลายใบคี่ ก้านใบรวมยาวประมาณ 5-12 เซนติเมตร เรียงตัวกันแบบสลับหรือเป็นกระจุกประมาณ 2-3 ก้านใน 1 ข้อ ใบย่อยจะเกิดเป็นคู่ ๆ เรียงตัวกันแบบตรงข้าม มีจำนวน 3-5 คู่ ก้านใบย่อยมีความยาวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่กลับหรือรูปรี ปลายใบแหลมหรือค่อนข้างมนหรือเว้าเข้าเล็กน้อย โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1-3 เซนติเมตร ผิวใบเรียบเป็นมัน ด้านท้องใบเห็นต่อมน้ำมันกระจายชัดเจน

ใบมะสัง

ดอกมะสัง ออกดอกเป็นช่อกระจุกตามกิ่งหรือตามซอกใบคล้าย ๆ ดอกกระถิน เป็นปุย ๆ มีสีขาว ก้านช่อดอกยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกย่อยยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร โคนก้านมีใบประดับ 1 ใบ ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ปลายแหลม ขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตร กลีบดอกมี 5 กลีบ กลีบเป็นสีขาวแยกจากกัน ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับหรือรูปใบหอก ปลายกลีบแหลม โคนกลีบตัดตรง มีขนาดกว้างประมาณ 0.7-1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.4-1.8 เซนติเมตร ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ติดกันเล็กน้อยที่ฐาน ส่วนปลายกลีบแยกเป็น 5 แฉก เป็นกลีบสีเขียวแกมเหลือง ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ กว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ประมาณ 15-20 อัน บ้างว่าประมาณ 10-12 อัน โคนก้านชูอับเรณูติดกันประมาณ 1/5 ส่วนของความยาวก้าน ปลายก้านแยกจากกัน ก้านชูอับเรณูเป็นสีขาว ยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร อับเรณูติดบนก้านแบบ Basifix สีเหลืองแกมสีน้ำตาลอ่อน ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ส่วนเกสรเพศเมียมี 1 ก้าน รังไข่ superior ovary สีเขียว ลักษณะเป็นรูปโดมทรงกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 มิลลิเมตร ก้านเกสรอวบ มีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2.5 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ยอดเกสรจะเรียวเล็กกว่าก้านเกสรเล็กน้อย รังไข่ 5-6 ห้อง มีออวุลจำนวนมาก สามารถออกดอกได้ตลอดปี

ดอกมะสัง

ผลมะสัง ผลมีลักษณะกลม เป็นสีเขียวคล้ายผลมะนาว มีขนาดประมาณ 4-12 เซนติเมตร เมื่อแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เปลือกผลแข็งและหนามาก มีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร เปลือกมีกลิ่นหอม ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปยาวรี โดยผลจะมีรสเปรี้ยว สามารถนำมาใช้แทนมะนาวได้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้นมะสัง

สรรพคุณของมะสัง

  1. ใบมีรสฝาดมัน สรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย (ใบ)
  2. รากและผลอ่อนเป็นยาแก้ไข้ ตำรายาไทยจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มหรือฝนกับน้ำกินเป็นยาแก้ไข้ (ราก, ผลอ่อน)
  3. ช่วยแก้ท้องเดิน (ใบ)
  4. ใบช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ใบ)
  5. แก่นมะสังใช้ร่วมกับแก่นมะขาม ใช้ต้มกับน้ำดื่มขณะอยู่ไฟ (แก่น)
  6. ใบใช้เป็นยาสมานแผล (ใบ)

ประโยชน์ของมะสัง

  • ผลมะสังมีรสเปรี้ยว สามารถนำมาใช้แทนมะนาวได้ โดยใช้ปรุงน้ำพริก หรือใส่แกง นอกจากนี้ยังใช้กินและนำมาทำน้ำผลได้อีกด้วย
  • ยอดอ่อนและใบอ่อนมะสังใช้กินเป็นผักสด หรือนำไปปิ้งไฟให้หอมก็ใช้รับประทานร่วมกับลาบ ก้อย ซุปหน่อไม้
  • ในปัจจุบันนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ทำเป็นไม้แคระประดับหรือไม้ดัด เนื่องจากมีความสวยงามจากเปลือกที่ขรุขระ มีรูปทรงของต้นที่สวยงาม ออกใบดกและมีขนาดเล็ก และง่ายต่อการดัดเพราะกิ่งก้านมีความเหนียว

 

อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา 
ตำบลบ่อพลับ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม 73000
โทรศัพท์:  034-109682 

implemented Website by ColorPack Creations Co., Ltd.
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • ความเป็นมา
    • วัตถุประสงค์
    • แนวทางการดำเนินงาน
  • ข่าวสาร
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • ข่าวฝึกอบรม
  • งานอบรม
    • หลักสูตรฝึกอบรม
    • ตารางกิจกรรม
    • คลังวีดีโอ
    • คลังรูปภาพ
  • บริการสถานที่
    • บริการจัดเลี้ยง
    • พิธีหมั้น
    • ประชุม / สัมมนา
  • ร้านค้า
    • สินค้าและโปรโมชั่น
  • ห้องสมุด
    • ประวัติความเป็นมา
    • บริการห้องสมุด
    • นิทรรศการถาวร พิพิธชัยพัฒนา
  • เกร็ดความรู้
    • เกร็ดความรู้ทั่วไป
    • ศูนย์การเรียนรู้อุทยาน พรรณไม้
  • ติดต่อ
  • แผนผังเว็บไซต์