ดอกคำใต้
กระถินเทศ สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกระถินเทศ
กระถินเทศ ชื่อสามัญ Cassie, Cassie Flower, Huisache, Needle Bush, Sponge Tree, Sweet Acacia, Thorny Acacia
กระถินเทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia farnesiana (L.) Willd. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยสีเสียด (MIMOSOIDEAE หรือ MIMOSACEAE)
สมุนไพรกระถินเทศ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เกากรึนอง (กาญจนบุรี), บุหงาอินโดนีเซีย (กรุงเทพฯ), บุหงาละสะมะนา บุหงาละสมนา (ปัตตานี), กระถินเทศ กระถินหอม คำใต้ ดอกคำใต้ (ภาคเหนือ), กระถิน (ภาคกลาง), ถิน (ภาคใต้), กะถิ่นเทศ กะถิ่นหอม (ไทย), มอนคำ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), บุหงาเซียม (มลายู-ภาคใต้), อะเจ๋าฉิ่ว (จีน-แต้จิ๋ว), ยาจ้าวซู่ จินเหอฮวน (จีนกลาง) เป็นต้
หมายเหตุ : พรรณไม้ชนิดนี้เคยใช้ชื่อ Acacia farnesia (L.) Willd. มาจนถึงปี ค.ศ.2005 แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาอยู่ในสกุล Vachellia แล้วพร้อมกับชนิดอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามอาจมีการเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสกุลเดิมก็เป็นได้
ลักษณะของกระถินเทศ
- ต้นกระถินเทศ จัดเป็นพรรณไม้พุ่มผลัดใบขนาดย่อม กิ่งมักคดไปมาแต่จะยืดจนเกือบตรงเมื่อต้นเจริญเติบโตขึ้น ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง มีความสูงได้ประมาณ 2-4 เมตร ตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลม กิ่งออกในลักษณะซิกแซ็ก เปลือกต้นเป็นสีคล้ำน้ำตาล ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและดินเหนียวที่อุ้มน้ำได้ดี ต้องการน้ำปานกลาง ควรปลูกในที่มีแสงแดดทั้งวัน มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ พบขึ้นเป็นวัชพืชทั่วไปในเขตร้อน
- ใบกระถินเทศ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงสลับ แกนกลางใบประกอบยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร ก้านใบประกอบยาวประมาณ 1-1.3 เซนติเมตร มีต่อมบนก้านใบ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.2-0.4 มิลลิเมตร ไม่มีต่อมบนแกนกลางใบ ช่อใบย่อยมี 4-7 คู่ ยาวประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร ก้านใบประกอบย่อยยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ส่วนใบย่อยออกเรียงตรงข้ามกัน มีประมาณ 10-20 คู่ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปดาบ หรือรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม เบี้ยว ปลายเป็นติ่ง โคนใบตัด ไร้ก้าน ใบย่อยเป็นสีเขียวแก่มีขนาดยาวประมาณ 2-7 มิลลิเมตร โคนก้านใบมีหูใบแปลงรูปเป็นหนามแหลมตรงและแข็ง 1 คู่ ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- ดอกกระถินเทศ ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่น มีลักษณะเป็นพุ่มกลม มีหลายช่อออกเป็นกระจุก ก้านช่อยาวประมาณ 1.5-4.5 เซนติเมตร ช่อดอกทรงกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.6-1 เซนติเมตร ที่โคนช่อมีวงใบประดับขนาดเล็ก 4-5 ใบ ดอกย่อยไร้ก้าน ใบประดับ 1 ใบ ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร มีขน กลีบเลี้ยงติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 1.3-1.5 มิลลิเมตร ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ยาวประมาณ 0.2 มิลลิเมตร เกลี้ยง ส่วนกลีบดอกติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 2.5 มิลลิเมตร ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปขอบขนานขนาดเล็ก ยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร กลีบดอกเป็นสีเหลืองสด และมีกลิ่นหอมมาก ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวนมาก แยกจรดโคน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3.5-5.5 มิลลิเมตร ส่วนรังไข่ยาวได้ประมาณ 1.5 มิลลิเมตร เกือบไร้ก้าน เกลี้ยง และมีขนละเอียด ก้านเกสรเพศเมียมีลักษณะเรียวยาว ขนาดยาวเท่า ๆ เกสรเพศผู้ ยอดเกสรมีขนาดเล็ก จะให้ดอกเมื่อต้นมีอายุประมาณ 3 ปี โดนจะออกดอกในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม
- ผลกระถินเทศ ออกผลเป็นฝัก ฝักมีลักษณะกลมเป็นรูปทรงกระบอก ยาวได้ประมาณ 2-9 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ฝักจะตรงหรือโค้งงอเล็กน้อย ผิวฝักหนาเกลี้ยง เมื่อฝักแก่จะไม่แตก ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 15 เมล็ด เรียงเป็น 2 แถว เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปรี แบนเล็กน้อย ยาวประมาณ 7-8 มิลลิเมตร มีรอย (pleurogram) รูปรี ยาว 6-7 มิลลิเมตร
สรรพคุณของกระถินเทศ
- ตำรายาไทยจะใช้รากกระถินเทศกินเป็นยาอายุวัฒนะ (ราก)
- หากเป็นวัณโรคมีร่างกายอ่อนแอ ให้ใช้รากแห้งประมาณ 15-30 กรัม ต้มเอาน้ำตุ๋นกับเป็ด หรือไก่ หรือเต้าหู้ (อย่างใดอย่างหนึ่ง) ใช้กินวันละครั้ง (รากแห้ง)
- เมล็ดนำมาบดให้เป็นผง หรือคั่วกินเป็นอาหารปกติ จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ (เมล็ด)
- ยาขี้ผึ้งจากดอกใช้เป็นยาแก้ปวดศีรษะ (ดอก)
- เปลือกใช้เป็นยาแก้ไอ (เปลือก)
- ยางจากรากใช้อม กิน เคี้ยวเป็นยาแก้ไอ แก้เจ็บคอ ช่วยทำให้คอชุ่ม (ยางจากราก) หรือใช้ยางเข้ายาแก้ไอ บรรเทาอาการระคายคอ (ยาง)