• หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • ความเป็นมา
    • วัตถุประสงค์
    • แนวทางการดำเนินงาน
  • ข่าวสาร
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • ข่าวฝึกอบรม
  • งานอบรม
    • หลักสูตรฝึกอบรม
    • ตารางกิจกรรม
    • คลังวีดีโอ
    • คลังรูปภาพ
  • บริการสถานที่
    • บริการจัดเลี้ยง
    • พิธีหมั้น
    • ประชุม / สัมมนา
  • ร้านค้า
    • สินค้าและโปรโมชั่น
  • ห้องสมุด
    • ประวัติความเป็นมา
    • บริการห้องสมุด
    • นิทรรศการถาวร พิพิธชัยพัฒนา
  • เกร็ดความรู้
    • เกร็ดความรู้ทั่วไป
    • ศูนย์การเรียนรู้อุทยาน พรรณไม้
  • ติดต่อ
  • แผนผังเว็บไซต์

อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา จังหวัดนครปฐม

หางไหลแดง

หางไหล สรรพคุณและประโยชน์ของต้นหางไหลแดง

หางไหลแดง

หางไหลแดง

หางไหลแดง ชื่อสามัญ Tuba Root, Derris

หางไหลแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Derris elliptica (Wall.) Benth. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)

สมุนไพรหางไหลแดง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กะลำเพาะ (เพชรบุรี), อวดน้ำ (สุราษฎร์ธานี), ไหลน้ำ ไกล เครือไกลน้ำ (ภาคเหนือ), โพตะโกส้า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), โล่ติ๊น เป็นต้น

กษณะของหางไหลแดง

  • ต้นหางไหลแดง มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน จัดเป็นไม้เถา มีเนื้อไม้แข็ง มีรูอากาศสีขาวกระจายตามกิ่งและเถา เถาหรือลำต้นส่วนที่แก่เป็นสีน้ำตาลปนแดง แต่จะเริ่มมีสีเขียวเห็นได้ชัดตรงปล้องที่อยู่ก่อนถึงยอดประมาณ 2-3 ปล้อง ลำต้นโดยทั่วไปจะมีลักษณะกลม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด การปักชำ และการตอนกิ่ง แต่นิยมปักชำส่วนของลำต้นมากกว่า ขึ้นได้ดีในสภาพดินหลายชนิดตั้งแต่ดินทรายหยาบไปจนถึงดินเหนียวจัด แต่ไม่เหมาะนำมาปลูกในสภาพดินที่มีน้ำท่วมขัง พืชชนิดนี้สามารถทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ติดต่อกันนานถึง 4 เดือน โดยมากจะพบขึ้นตามบริเวณแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนทางภาคกลางจะพบได้มากแถวจังหวัดปราจีนบุรี จันทบุรี ชลบุรี และในท้องที่ใกล้เคียง

ต้นหางไหล

ต้นหางไหลแดง

ใบหางไหลแดง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับเป็นคู่ ๆ ตรงข้ามกัน มีใบย่อยประมาณ 9-13 ใบ ใบคู่แรกที่นับจากโคนจะมีขนาดเล็กสุดและจะเริ่มใหญ่ขึ้นตามลำดับจนถึงใบสุดท้ายที่อยู่ตรงยอดซึ่งเป็นใบเดี่ยว ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ รูปไข่กลับแกมรูปใบหอก หรือรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน ปลายใบเป็นติ่งแหลม โคนใบเล็กเรียวขึ้นไป ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร (อาจจะเล็กหรือใหญ่กว่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม) ใบแก่เป็นสีเขียว ลักษณะมัน แผ่นใบเรียบเกลี้ยงทั้งสองด้าน หรือหลังใบเกลี้ยง ส่วนท้องใบมีขน เส้นใบเป็นสีเขียวปนน้ำตาล มองเห็นเส้นแขนงลักษณะคล้ายก้างปลาได้ชัดแต่ยาวจนชิดขอบใบ ด้านท้องใบเป็นสีเขียวและจะเห็นเส้นใบได้ชัดกว่าด้านบน ยอดอ่อนและใบอ่อนเป็นสีแดง มีขนสีน้ำตาลแดง

หางไหล

ดอกหางไหลแดง ออกดอกเป็นช่อกระจะตามซอกใบ ช่อดอกแต่ละช่อมีความยาวประมาณ 22.5-30 เซนติเมตร มีขนสั้นหนานุ่ม ดอกเป็นสีชมพูหรือสีชมพูแกมม่วง เมื่อบานเต็มที่จะเป็นสีชมพูอ่อนและจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปดอกถั่ว ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร กลีบล่างเป็นรูปโล่ กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วยหรือรูประฆังมีขน กลีบเลี้ยงยาวได้ประมาณ 6 มิลลิเมตร เกสรเพศผู้เชื่อมติดกันเป็นมัดเดียว รังไข่มีขนอุย

ดอกหางไหลแดง

ผลหางไหลแดง ผลมีลักษณะเป็นฝักแบน ฝักเป็นรูปขอบขนานถึงรูปใบหอก ปลายและโคนฝักแหลม มีขนาดกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3.5-8.5 เซนติเมตร คอดตามแนวของเมล็ด ฝักอ่อนเป็นสีเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนแดงเมื่อแก่ ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 1-4 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลมและแบนเล็กน้อย มีสีน้ำตาลปนแดง เมื่อฝักแก่ฝักจะแยกออกจากกัน และเมล็ดจะร่วงหล่นลงพื้นดิน ถ้ามีความชื้นเหมาะสม เมล็ดก็จะงอกและเจริญเติบโตเป็นต้นต่อไป

สรรพคุณของหางไหลแดง

  1. ตำรับยาพื้นบ้านจังหวัดสุโขทัย จะใช้เถาหางไหลแดงนำมาตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้ดองกับเหล้ากินเป็นยาขับโลหิตและบำรุงโลหิตของสตรี (เถา)
  2. เถาผสมกับยาอื่นปรุงเป็นยาแก้ประจำเดือนเป็นลิ่มหรือเป็นก้อน และเป็นยาขับประจำเดือน (เถา)
  3. เถาตากแห้ง นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้ดองกับเหล้ากินเป็นยาถ่ายลม ถ่ายเสมหะ ถ่ายโลหิต และถ่ายเส้นเอ็น ทำให้เส้นเอ็นหย่อน (เถา)
  4. ใช้รักษาหิด เหา และเรือด ด้วยการใช้เถาสดยาวประมาณ 2-3 นิ้วฟุต นำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำมันพืช ใช้ชโลมบนเส้นผมทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วสระออกให้สะอาด โดยให้สระติดต่อกัน 2-3 วัน (เถา)

ประโยชน์ของหางไหลแดง

  1. ใช้เป็นยาฆ่าแมลง หรือไล่แมลง โดยนำรากหรือเถาแก่สด (จำนวนที่ใช้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และแมลง) มาทุบให้แตกมาก ๆ (โดยทั่วไปถ้าเป็นรากสดให้ใช้ 1/2-1 กิโลกรัม ส่วนรากแห้งให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง) แล้วแช่ลงในน้ำ 1 ปี๊บ ทิ้งไว้อย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง เพื่อให้สารที่มีความเป็นพิษละลายออกมา ซึ่งน้ำที่ได้จะขาวเหมือนน้ำซาวข้าว จากนั้นให้กรองเอารากออก แล้วเอาน้ำที่ได้มาใช้เป็นยาฆ่าแมลงฉีดพ่นในแปลงพืชผักหรือสวนผลไม้ โดยให้ฉีดพ่นทุก ๆ 7 วัน และควรฉีดในช่วงเย็น เพราะสารโรตีโนนจะสลายตัวได้ง่ายเมื่อถูกแสงแดด (มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้) ส่วนการนำมาใช้กำจัดหนอนในนาข้าว ให้นำรากมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทุบให้ละเอียดก่อนแล้วนำไปหว่านให้ทั่วนาข้าวและทิ้งไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง (เหมาะกับนาข้าวที่ไม่มีปลา) หรือจะใช้ในรูปของสารละลายนำมาฉีดพ่นเลยก็ได้ โดยสารพิษที่อยู่ในหางไหลแดง เรียกว่า "โรตีโนน" (rotenone) จะไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลือดอุ่นอย่างมนุษย์ จึงสามารถนำมาใช้ได้ดี อีกทั้งสารพิษชนิดนี้ยังสลายตัวได้ง่าย ไม่ติดค้างอยู่บนพืชผักเหมือนยาฆ่าแมลงทั่วไป
  2. ใช้เป็นยาเบื่อปลา ด้วยการนำรากมาตัดเป็นชิ้นขนาดเล็กยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร บดให้ละเอียด แล้วจึงนำไปร่อนเพื่อแยกเอาส่วนที่บดละเอียดไปใช้ในการเบื่อปลา หรือนำลำต้นมาทุบแล้วนำไปแช่ไว้ในลำห้วย จะทำให้ปลาเมา สามารถจับมากินได้ง่าย ส่วนในหมู่เกาะโซโลมอนจะใช้ใบของหางไหลแดงนำไปใส่ในรูร่วมกับทรายในปริมาณเท่ากันและบดให้เข้ากันจะได้เม็ดสีเขียว แล้วนำไปหว่านในน้ำ ปลาที่ถูกสารพิษจะมีอาการมึนเมาและลอยขึ้นเหนือน้ำ แล้วจึงแทงด้วยฉมวก นำมาบริโภคเป็นอาหารได้ต่อไป
  3. พืชชนิดนี้มีใบดกร่มทึบ สามารถนำมาปลูกเป็นไม้ร่มหรือไม้ดอกได้
  4. เนื่องจากหางไหลแดงเป็นพืชในตระกูลถั่ว การปลูกพืชชนิดนี้นอกจากจะสามารถปลูกเพื่อไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสดบำรุงดินแล้ว ยังใช้ปลูกเป็นพืชคลุมดินเพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้นจากดินและป้องกันการชะล้างหน้าดินได้อีกด้วย ส่วนในแง่การนำมาปลูกเป็นพืชฆ่าแมลงหรือปลูกเพื่อผลิตสารฆ่าแมลง โดยทั่วไปแล้วจะปลูกกันเป็นแปลงใหญ่

การเก็บหางไหลแดงมาใช้ประโยชน์

  • การเก็บรากมาใช้ประโยชน์ ในกรณีที่ปลูกด้วยกิ่งชำ จะเก็บได้ตั้งแต่เมื่อมีอายุ 22-27 เดือน เพราะช่วงนี้จะมีสารโรตีโนนมากที่สูง (ประมาณ 4-5%) ซึ่งโดยทั่วไปจะแนะนำให้เก็บในช่วงอายุ 24 เดือน การขุดรากควรขุดในช่วงฤดูแล้ง เพราะช่วงนี้ต้นหางไหลแดงจะผลัดใบ ทำให้สารสำคัญถูกเก็บไว้ในราก โดยจะใช้คนขุดหรือรถแทรกเตอร์ขุดก็ได้ เมื่อขุดมาแล้วควรนำมาล้างดินออก แล้วนำไปแขวนหรือผึ่งบนตะแกรงให้แห้งในที่ร่ม (ห้ามผึ่งกลางแดด เพราะสารโรตีโนนจะถูกทำลายได้ด้วยความร้อน) ส่วนการผลิตนำมาผลิตเป็นยาฆ่าแมลง มีคำแนะนำว่าควรจัดให้มีการถ่ายเทอากาศที่ดี ใส่หน้ากากและถุงมือทุกครั้งเพื่อป้องกันสารพิษ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผิวหนังอักเสบและอาการระคายเคืองของเนื้อเยื่อ

อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา 
ตำบลบ่อพลับ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม 73000
โทรศัพท์:  034-109682 

implemented Website by ColorPack Creations Co., Ltd.
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับโครงการ
    • ความเป็นมา
    • วัตถุประสงค์
    • แนวทางการดำเนินงาน
  • ข่าวสาร
    • ข่าวประชาสัมพันธ์
    • ข่าวฝึกอบรม
  • งานอบรม
    • หลักสูตรฝึกอบรม
    • ตารางกิจกรรม
    • คลังวีดีโอ
    • คลังรูปภาพ
  • บริการสถานที่
    • บริการจัดเลี้ยง
    • พิธีหมั้น
    • ประชุม / สัมมนา
  • ร้านค้า
    • สินค้าและโปรโมชั่น
  • ห้องสมุด
    • ประวัติความเป็นมา
    • บริการห้องสมุด
    • นิทรรศการถาวร พิพิธชัยพัฒนา
  • เกร็ดความรู้
    • เกร็ดความรู้ทั่วไป
    • ศูนย์การเรียนรู้อุทยาน พรรณไม้
  • ติดต่อ
  • แผนผังเว็บไซต์