• product
  • service2
  • กองทุน
  • coffee-banner
  • scb banner11

ข่าวประชาสัมพันธ์

สินค้าและโปรโมชั่น

แคฝรั่ง

แคฝรั่ง

1578234470

แคฝรั่ง: อาคันตุกะจากอีกซีกโลก
     แคฝรั่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Gliricidia  Sepium  อยู่ในวงศ์ PAPILIONOIDEAE (LEGUMINOSAE) เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง สูงราว ๑๐เมตร (๕-๑๕เมตร) ลำต้นค่อนข้างตรง กิ่งก้านสาขาน้อย เปลือกหุ้มลำต้นสีเทาอ่อน (ขี้เถ้า) เมื่อต้นแก่เปลือกจะแตกเป็นสะเก็ด
     ใบ เป็นใบรวมแบบขนนก ออกเป็นคู่ย่อยเรียงตัวแบบตรงข้ามกันไปตามก้านใบ มีใบย่อยรวม๑๑-๑๕ใบต่อก้านใบรวม ขนาดใบย่อยกว้าง ๑-๒ เซนติเมตร ยาว ๓-๕ เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบทู่ หน้าใบสีเขียวเข้ม หลังใบสีเขียวนวล มีขนสั้นละเอียดนุ่มปกคลุม ใบอ่อนสีน้ำตาล ขอบใบเรียบไม่มีจัก ใบจะร่วงหล่น (ผลัดใบ) ช่วงฤดูหนาวเดือนตุลาคม-ธันวาคม
     ดอก ออกเป็นช่อตามโคนก้านใบและตาดอกที่ลำต้น ช่อยาว ๕-๑๒ เซนติเมตร ดอกสีชมพู-ขาว รูปร่างคล้ายผีเสื้อ เช่นเดียวกับดอกถั่วอื่นๆ ออกดอกช่วงผลัดใบแล้วราวเดือนธันวาคม-พฤษภาคม 
     ผล แคฝรั่งเป็นฝักแบน เมื่อแก่เปลือกฝักเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาล/ดำ โคนและปลายฝักแหลม เมื่อแก่ฝักจะแตกทั้ง ๒ ด้าน มีเมล็ดแบนรูปไข่สีดำ ๓-๘ เมล็ด/ฝัก ฝักแก่ราวเดือนสิงหาคม-ตุลาคม
     ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของแคฝรั่งอยู่ในเขตร้อนทวีปอเมริกา บริเวณประเทศเม็กซิโก โคลัมเบีย เวเนซุเอลา ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นไม้ประดับประมาณ ๑๐ ปีมาแล้ว จึงไม่ปรากฏในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ พ.ศ. ๒๔๑๖ เพราะเข้ามาในประเทศไทยหลังจากนั้น
     ชื่อที่เรียกในประเทศไทยคือแคฝรั่ง ส่วนในภาษาอังกฤษเรียก Mother of Cocoa, Quick Stickและ Madre de Cocoaในภาษาเสปน
  
ประโยชน์ของแคฝรั่ง
     เนื่องจากแคฝรั่งมีดอกเป็นช่อเต็มต้นสีชมพู-ขาว งดงามสะดุดตาจึงถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นไม้ประดับในตอนแรก ต่อมามีผู้พบคุณประโยชน์ด้านอื่นๆ ของแคฝรั่งมากขึ้น จึงถูกนำไปปลูกในวัตถุประสงค์อื่นๆ ด้วย
     ในฐานะไม้ประดับ แคฝรั่งออกดอกหลังผลัดใบจึงแลเห็นดอกสะพรั่งเต็มต้นงดงามเป็นพิเศษ ทั้งยังปลูกง่ายในดินทุกชนิด ทนทานต่อโรคแมลงและดินฟ้าอากาศจึงนำไปปลูกเป็นไม้ประดับได้ทั่วไป ไม่ต้องการความเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษเลย
     ในบริเวณถิ่นกำเนิดดั้งเดิม แคฝรั่งถูกนำไปปลูกเป็นพี่เลี้ยงต้นโกโก้ดังชื่อในภาษาอังกฤษ (Mother of cocoa) และภาษาเสปน (Madre of Cocoa) นั่นเอง  เนื่องจากแคฝรั่งเป็นพืชตระกูลถั่วสามารถเปลี่ยนอากาศเป็นปุ๋ยไนโตรเจน (ไนเทรต) ให้ดินได้ จึงทำให้พืชที่ปลูกร่วมด้วยเจริญเติบโต นอกจากนั้นยังช่วยบังแดดบังลมรักษาความชุ่มชื้น ป้องกันโรคและแมลงฯลฯ เช่นเดียวกับทองหลางที่ปลูกร่วมกับทุเรียนนั่นเอง นอกจากนั้นใบของแคฝรั่งยังใช้เป็นปุ๋ยพืชสดและอาหารสัตว์ได้ดี เมื่อตัดต้น-กิ่งของแคฝรั่งออกจะแตกกิ่งก้านใหม่ได้ดีเช่นเดียวกัน ต่างจากพืชบางชนิด เช่น กระถิน ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน แต่แตกกิ่งก้านได้ไม่ดีเมื่อถูกตัดฟัน
     ดอกของแคฝรั่งนอกจากจะงดงามแล้ว ยังใช้กินเป็นผักได้เช่นเดียวกับดอกแคบ้าน นอกจากนั้นยังมีน้ำหวานในดอกที่ใช้เลี้ยงผึ้งได้ น้ำผึ้งปริมาณมากและคุณภาพดีมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
     งานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของแคฝรั่งพบว่า ใบ ฝัก เมล็ด และรากมีสารที่เป็นพิษต่อหนู แต่ไม่เป็นพิษต่อสัตว์อื่น เช่น วัว ควาย  นอกจากนั้นยังใช้ก้าน ใบ และเปลือกเป็นยาฆ่าแมลงได้ด้วย
     แคฝรั่งนอกจากปลูกง่ายโตเร็ว แข็งแรงทนทานแล้วยังขยายพันธุ์ได้ง่ายอีกด้วย ทั้งการเพาะเมล็ดและตัดกิ่งปักชำ
     จากคุณประโยชน์ด้านต่างๆ ของแคฝรั่งเท่าที่ทราบในปัจจุบัน เช่น ไม้ประดับ อาหารคน (ผัก) อาหารสัตว์ พืชพี่เลี้ยง บำรุงดิน ปุ๋ยพืชสด ฆ่าแมลง กำจัดหนู ฯลฯ จะเห็นได้ว่าแคฝรั่งเป็นพืชสารพัดประโยชน์จริงๆ แม้แคฝรั่งจะเดินทางมาจากแดนไกลและเพิ่งมาถึงเมืองไทยได้ไม่นานนัก แต่สามารถปรับตัวให้เป็นประโยชน์สำหรับคนไทยได้มากมาย จึงน่าจะยินดีให้แคฝรั่งโอนสัญชาติเป็นไทย และช่วยกันปลูกแคฝรั่งกันมากขึ้นเช่นเดียวกับที่คนไทยยอมรับแคบ้าน ซึ่งเป็นต้นไม้จากต่างแดนเช่นเดียวกัน

1390552473 Gliricidia o

 

กาญจนิการ์

กาญจนิการ์

13680207051

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Santisukia pagetii (Craib) Brummitt
วงศ์ BIGNONIACEAE
ชื่ออื่น ๆ -

ลักษณะทั่วไป
ไม้ต้น ผลัดใบ สูงไม่เกิน 20 เมตร ใบประกอบแบบขนนกยาว 17-35 ซม. ใบย่อย 5-10 คู่ รูปไข่หรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก ยาว 5-7 ซม. ปลายใบแหลม โคนมน กลม หรือเบี้ยว ขอบใบเกือบเรียบ ก้านใบย่อยยาว 0.1-0.5 ซม. ช่อดอกยาว 20-35 ซม. ดอกสีขาว กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว 1.5-2 ซม. มีต่อมกระจายทั่วไป หลอดกลีบดอกตรงบานออกตอนปลายเป็นรูปลำโพงแคบ มี 5 กลีบยาว 4.5-5.5 ซม.รวมหลอดกลีบ ผลรูปขอบขนานยาว 10-16 ซม. มีต่อมหนาแน่น ผนังกั้นด้านในกว้างประมาณ 2.5-3 ซม. ผิวมีต่อมนาแน่น เมล็ดรวมปีกยาวประมาณ 2.5 ซม.

เป็นพืชหายาก เป็นพืชถิ่นเดียวของไทย พบเฉพาะทางภาคเหนือตอนล่างที่ จ.กำแพงเพชร อุทัยธานี และภาคตะวันตกเฉียงใต้ที จ. กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นกระจายห่างๆ บนเขาหินปูนเตี้ยๆ ที่แล้งหรือใกล้ชายทะเล ที่ระดับความสูง 10-200 เมตร ทั้งนี้ยังไม้ดอกประจำจังหวัดกาญจนบุรีอีกด้วย

ดาวน์โหลด

ดาวน์โหลด 1

กระโดน

กระโดน

ใบกระโดน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Careya sphaerica Roxb.

ชื่อวงศ์: LECYTHIDACEAE

ชื่อสามัญ: Kradon

ชื่อท้องถิ่น: ปุย ปุยกระโดน ปุยขาว พุย ขุย ผ้าฮาด กะนอ จิก

ลักษณะ: ไม้ยืนต้นขนาดกลางผลัดใบช่วงสั้น ๆ สูง 8-20 เมตร เปลือกต้นหนา สีน้ำตาลปนเทา หรือน้ำตาลดำ แตกปริเป็นสะเก็ดทั่วไป เรือนยอดเป็นพุ่มกลม แตกกิ่งก้านสาขามาก ใบเดี่ยว ติดเรียงเวียนสลับเป็นกลุ่ม ตามปลายกิ่ง ทรงใบรูปไข่กลับ โคนใบสอบแคบเป็นรูปลิ่ม เนื้อใบหนา ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ดอกใหญ่ออกเป็นดอกเดี่ยว ๆ ตามปลายกิ่ง กลีบดอกสีเขียวอ่อน โคนกลีบสีชมพู ผลสดรูปทรงกลม

ต้นกระโดน

ส่วนที่ใช้ : เปลือกต้น

สีที่ได้: น้ำตาลดำ

เทคนิควิธีการย้อมสี: การย้อมสีเส้นใยด้วยเปลือกต้นกระโดน ใช้เปลือกต้นด้านใน นำมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ และต้มกับน้ำในอัตราส่วน 1:2 เปลือกต้นกระโดนสด 15 กิโลกรัม สามารถย้อมเส้นใยได้ 1 กิโลกรัม หลังย้อมนำเส้นใยมาแช่ในน้ำโคลน วันละ 7-8 ชั่วโมง นาน 3 วัน ขณะแช่หมั่นกลับเส้นใยบ่อย ๆ เมื่อครบในแต่ละวันให้นำเส้นใยขึ้นจากน้ำโคลน แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด กระตุกตากในที่ร่ม แล้วนำลงแช่น้ำโคลนในวันต่อมาจนครบ 3 วัน เมื่อแช่ครบให้นำเส้นใยที่แช่ในน้ำโคลนมาย้อมต่อที่อุณหภูมิ 60-70 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที จากนั้นล้างเส้นใยด้วยน้ำสะอาด จำได้เส้นใยสีน้ำตาลดำ

กระโดน21

 

จำปีสีนวล

จำปีสีนวล

152060

ชื่อวิทยาศาสตร์: Michelia alba x Michelia champaca หรือ Michelia hybrid
วงศ์: MAGNOLIACEAE
ถิ่นกำเนิด: ประเทศไทย
ลักษณะทั่วไป: ไม้ยืนต้น พุ่มโปร่ง มีการแตกกิ่งก้านน้อย รูปทรงไม่ค่อยเป็นระเบียบ
ฤดูการออกดอก: ออกดอกตลอดปี
เวลาที่ดอกหอม: หอมทั้งกลางวันและกลางคืน
การขยายพันธุ์:
นิยมการทาบกิ่ง
ข้อดีของพันธุ์ไม้:
ขนาดของดอกใหญ่ ออกดอกดกและหอมดี เป็นรองเพียงจำปีขาวเท่านั้น
ข้อแนะนำ:
พันธุ์ไม้หอมในสกุลจำปี จำปา จำปีสีนวล ไม่ค่อยทนทานต่อน้ำท่วม การปลูกในที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึงและมีหน้าดินลึกจะทำให้การเจริญเติบโตดี
ข้อมูลอื่นๆ:
ที่สวนไม้หอมฯ พบการเข้าทำลายของเพลื้ยแป้ง ต้องระวังด้วยเพราะว่าจำปีสีนวลไม่ค่อยทนทานต่อการเข้าทำลายของเพลื้ยชนิดนี้

ต้นจำปี