• product
  • service2
  • กองทุน
  • coffee-banner
  • scb banner11

ข่าวประชาสัมพันธ์

สินค้าและโปรโมชั่น

มะรุม

มะรุม สรรพคุณและประโยชน์ของมะรุม

มะรุม ชื่อสามัญ Moringa

มะรุมชื่อ วิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Guilandina moringa L., Hyperanthera moringa (L.) Vahl, Moringa zeylanica Burmann) จัดอยู่ในวงศ์ MORINGACEAE

สมุนไพรมะรุม มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า บะค้อนก้อม (ภาคเหนือ), ผักอีฮุม บักฮุ้ม (ภาคอีสาน) เป็นต้น

มะรุมจัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทยซึ่งเป็นพืชผักสมุนไพรโดยมีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย อย่างประเทศอินเดียและศรีลังกา โดยเป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ปลูกง่ายในเขตร้อน ทนแล้ง สามารถรับประทานได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นฝัก ใบ ดอก เมล็ด ราก เป็นต้น แต่ถ้านำมาใช้เป็นยาสมุนไพรนั้นจะใช้เกือบทุกส่วนของต้นมะรุมรวมทั้งเปลือกด้วย

มะรุมอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุรวมหลายชนิด ซึ่งจุดเด่นของมะรุมก็คือจะมีวิตามินเอ ซี แคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงมาก นอกจากนี้มะรุมยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคได้หลายชนิด แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรจะมองว่ามะรุมเป็นยามหัศจรรย์ที่ใช้ในการรักษาโรค แต่ควรจะมองมันเป็นผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเสียมากกว่า เพราะการศึกษาหลายอย่าง ๆ ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย

มะรุมกับความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ มะรุมไม่ได้ปลอดภัยไปเสียทีเดียว เพราะในตัวของมะรุมเองนั้นก็มีพิษเหมือนกัน เนื่องจากมะรุมเป็นพืชในเขตร้อน สำหรับหญิงตั้งครรภ์หากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไปก็อาจจะทำให้แท้งบุตรได้ และยังรวมไปถึงผู้ป้วยโรคเลือดก็ไม่ควรรับประทานมะรุมเช่นกัน เพราะจะทำให้เม็ดเลือดแตกง่าย นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะมะรุมมีโปรตีนที่ค่อนข้างสูงมาก แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ความว่ามันจะไม่ปลอดภัย เพราะคนไทยนิยมนำมาประกอบอาหารมานานมากแล้ว ซึ่งสำหรับผู้ที่คิดจะดูแลสุขภาพด้วยการหันไปซื้อมะรุมสกัดแคปซูลมารับประทานนั้น ก็ควรจะต้องระมัดระวังและควรเลือกซื้อมะรุมแคปซูลที่มีอย.ด้วย

มะรุม ในส่วนของใบมะรุมควรรับประทานใบสด ๆ ที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป และไม่ควรถูกความร้อนนานเกินไป เพื่อให้ได้ประโยชน์ของสารอาหารอย่างเต็มที่ ซึ่งการใช้ใบมาประกอบอาหารสิ่งที่ต้องระวังก็คือ ไม่ควรให้เด็กทารกในวัยเจริญเติบโตถึง 2 ขวบรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะใบมะรุมมีธาตุเหล็กสูง หรือเด็กที่อายุ 3-4 ขวบควรรับประทานแต่เพียงเล็กน้อย และไม่ว่าจะวัยไหนก็ตามไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้ (ไม่ได้เกิดกับทุกคน) ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย

มะรุมสรรพคุณ

ประโยชน์ของมะรุม

  1. สรรพคุณของมะรุมช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม ไม่ให้หยาบกร้าน
  2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการชะลอวัย (น้ำมันมะรุม)
  3. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
  4. ช่วยรักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึงอายุ 10 ขวบ
  5. ช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกาย (ฝัก)
  6. มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง (ใบ, ดอก, ฝัก, เมล็ด, เปลือกของลำต้น)
  7. ช่วยรักษาโรคมะเร็งในกระดูก
  8. ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้อาการแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้น
  9. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย
  10. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
  11. มะรุมลดความดัน รักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบ, ฝัก)
  12. ใช้รักษาโรคหัวใจ (ราก)
  13. มะรุมลดน้ำตาล ช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยรักษาความสมดุลของระดับน้ำตาล
  14. ใช้รักษาโรคหอบหืด (Asthma) (ยาง)
  15. ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้
  16. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคที่ต่ำลงของผู้ป่วยเอดส์
  17. ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย (ดอก)
  18. ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ราก)
  19. ช่วยคุมธาตุอ่อน ๆ (เปลือกของลำต้น)
  20. แก้ลมอัมพาต (เปลือกของลำต้น)
  1. ใช้ขับน้ำตา (ดอก)
  2. ใช้บำรุงสุขภาพและรักษาดวงตาให้สมบูรณ์
  3. ช่วยรักษาโรคตาได้เกือบทุกโรค อย่างเช่น โรคตาต้อ ตามืดมัว เป็นต้น
  4. ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคโพรงจมูกอักเสบ
  5. น้ำมันมะรุมใช้นวดศีรษะ ฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ แก้อาการคันหนังศีรษะ ลดผมร่วง (น้ำมันมะรุม)
  6. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ใบ, น้ำมันมะรุม)
  7. ใช้แก้ไข้และถอนพิษไข้ (ใบ, ยอดอ่อน, ฝัก, เมล็ด)
  8. ใช้แก้อาการไข้หัวลมหรืออาการไข้เปลี่ยนฤดู (ดอก)
  9. ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัด (เมล็ดมะรุม)
  10. ช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรังให้ดีขึ้น (เมล็ดมะรุม)
  11. ช่วยบรรเทาอาการและลดสิวบนใบหน้า (น้ำมันมะรุม)
  12. ช่วยลดจุดด่างดำจากแสงแดด (น้ำมันมะรุม)
  13. ประโยชน์ของมะรุมใช้รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ใบ)
  14. ช่วยแก้อาการปวดฟัน (ยาง)
  15. ช่วยแก้อาการปวดหู (Earache) (ยาง)
  16. น้ำมันมะรุมใช้หยอดหูเพื่อป้องกันและฆ่าพยาธิในหู รักษาโรคหูน้ำหนวก เยื่อบุหูอักเสบ
  17. ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษ
  18. ช่วยรักษาแผลในปากหรือแผลจากโรคปากนกกระจอก
  19. นำเปลือกของลำต้นมาเคี้ยวกินเพื่อช่วยย่อยอาหาร (เปลือกของลำต้น)
  20. ช่วยขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ (เปลือกของลำต้น)
  21. เปลือกของลำต้นมีสรรพคุณช่วยในการคุมกำเนิด (เปลือกของลำต้น)
  22. ช่วยบำรุงและรักษาปอดให้แข็งแรง และรักษาโรคปอดอักเสบ
  23. รับประทานเมล็ดมะรุมวันละ 1 เมล็ดก่อนนอน ช่วยให้การขับถ่ายในตอนเช้าเป็นไปอย่างปกติและสม่ำเสมอ (เมื่อขับถ่ายเป็นปกติแล้วควรหยุดรับประทาน)
  24. ใช้รักษาโรคลำไส้อักเสบ อาการท้องเสีย ท้องผูก
  25. ช่วยรักษาและขับพยาธิในลำไส้ (เมล็ดมะรุม)
  26. ช่วยในการขับปัสสาวะ (ใบ, ดอก)
  27. ช่วยแก้อาการอักเสบ (ใบ)
  28. ช่วยรักษาโรคไขข้อ (Rheumatism) (ราก)
  29. ช่วยบรรทาอาการของโรคเกาต์ บ้างก็ว่าสามารถใช้รักษาโรคเกาต์ได้
  30. ช่วยรักษาโรคกระดูกอักเสบ
  31. ช่วยรักษาโรครูมาติสซั่ม
  32. ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ ไต
  33. น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อตามบั้นเอวและขา
  34. น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อกระชับกล้ามเนื้อ
  35. ใช้แก้อาการปวดตามข้อ (เมล็ด)
  36. แก้อาการบวม (ราก, เมล็ด)
  37. ช่วยลดอาการผื่นคันตามผิวหนังและการแพ้ผ้าอ้อมของเด็กทารก (น้ำมันมะรุม)
  38. ช่วยรักษาบาดแผล แผลสดเล็ก ๆ น้อย ๆ (ใบ, น้ำมันมะรุม)
  39. ช่วยถอนพิษและลดอาการปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย (น้ำมันมะรุม)
  40. ใช้เป็นยาปฏิชีวนะ
  41. ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (ใบ, ดอก)
  42. ใช้รักษาเชื้อราตามผิวหนัง ศีรษะ ตามซอกเล็บ โรคน้ำกัดเท้า (น้ำมันมะรุม)
  43. น้ำมันมะรุมใช้ทารักษาหูด ตาปลา
  44. ช่วยรักษาโรคเริม งูสวัด
  45. ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ต้านจุลชีพ
  46. ช่วยฆ่าเชื้อไทฟอยด์ (ยาง)
  47. ช่วยรักษาโรคซิฟิลิส (syphilis) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่ง (ยาง)
  48. การรับประทานมะรุมในช่วงตั้งครรภ์จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ HIV ของเด็กทารก
  49. ฝักมะรุมนำมาใช้เป็นไม้ตีกลองได้เหมือนกันนะ โดยเฉพาะในแถบอินเดีย
  50. ใบสดนำมารับประทานได้ ส่วนใบแห้งนำมาทำเป็นผง
  51. เมล็ดบางครั้งนำมาคั่วรับประทานเป็นถั่วได้
  52. เมล็ดมะรุมเมื่อนำมาบดละเอียดสามารถนำไปใช้กรองน้ำได้ ทำให้น้ำตกตะกอนและฆ่าเชื้อโรคในน้ำ น้ำที่ได้จะค่อนข้างสะอาดและมีรสออกหวาน
  53. น้ำมันที่ได้จากการคั้นเมล็ดสด นำมาใช้เป็นน้ำมันในการปรุงอาหาร
  54. น้ำมันมะรุมนำมาใช้ในการปรุงอาหารชนิดเดียวกับน้ำมันมะกอก แต่ดีกว่าตรงที่ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนในภายหลัง
  55. น้ำมันมะรุมนำมาใช้เป็นน้ำยาหล่อลื่นต่าง ๆ ประจำบ้านและช่วยป้องกันสนิม
  56. นิยมนำมะรุมไปทำเป็นอาหารเพื่อรับประทานเป็นผักอย่างเช่น แกงส้ม แกงลาว แกงอ่อม แกงกะหรี่ ยำฝักมะรุม ส่วนดอกมะรุมลวกรับประทานกับน้ำพริก ส่วนยอดอ่อน ใบอ่อนนำไปต้มสุกรับประทานร่วมกับแจ่ว ลาบ ก้อย
  57. นำมาแปรรูปเป็น "มะรุมแคปซูล" สำหรับเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผัก แต่อยากได้คุณประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
  58. นำมาสกัดเป็นน้ำมันมะรุม ซึ่งมีคุณประโยชน์ที่หลากหลาย

 

มะม่วงศาลายา

มะม่วงศาลายา (Salaya mango)

มะม่วงมันศาลายา รสชาติเข้มข้น อร่อยโดนใจ ให้ผลดกตลอดทั้งปี เป็นมะม่วงทวาย มะม่วงมันศาลายา เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและถามถึงกันไม่ขาดสาย ด้วยความอร่อยและรสชาติที่โดดเด่นทำให้เป็นที่ถูกใจของหลายๆคน มะม่วงมันศาลายาเป็นมะม่วงทานได้ทั้งดิบและสุก ดิบจะรสจัดกรอบฉ่ำน้ำปนเปรี้ยวนิดๆเหมาะกับพริกเกลือ สุกเนื้อแน่นไม่เละทานกับข้าวเหนียวมูลรสชาติดี ที่สำคัญเป็นมะม่วงที่ให้ผลได้ชิมกันตลอดทั้งปี ซึ่งตอนนี้มะม่วงมันศาลายาถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่หาทานยาก

มะริด

ต้นมะริด

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้นมะริด

ไม้มะริดมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diospyros philippensis A. DC. ชื่อพ้อง D. discolour Willd. มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Butter fruit อยู่ในสกุลไม้มะเกลือ เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ และเป็นไม้ทรงพุ่มสุง ใบหนาทึบ มีดอกสวยอันสวยงาม และมีผลเหมือนลูกท้อ กลิ่นหอม กินได้ อร่อยด้วย

ลักษณะของเนื้อไม้

การขึ้นทรงพุ้มของต้นมะริดสวยงาม เปลือกต้นดำเป็นกระพี้ สวยเตะตา ครบสุตร..ครบสูตรครับ ขึ้นประปรายห่างๆ ในป่าดิบและป่าเบญจพรรณทางภาคใต้

  • กะพี้เนื้อไม้ สีชมพูอ่อน หนาหรือลึกประมาณ 20 เมตร
  • แก่นไม้ สีดำแกมน้ำตาล แถบสีน้ำตาลไหม้ หรือสีน้ำตาลแกมแดงผสม
  • เนื้อไม้แข็ง ละเอียดเหนียว  และหนักมาก
  • เนื้อไม้ทนทาน เป็นไม้ที่ทนทาน ถ้าใช้เลื่อยไส เลื่อยต้องเรียกพี่เลยแหละ เพราะว่ามันแข็งเอามากๆ เลยครับ คนโบราณนิยมใช้ขวานและสิ่ว แทนเลื่อย ในการขึ้นรูปหรือตกแต่ง ถ้าใช้เลื่อยฟันเลื่อยจะเสียหายหมด
  • เนื้อไม้ขัดเงา แต่ถ้านำมาขัดเงา จะมีความเงางามมาก
  • ไม้ป่าโตช้า เป็นไม้โตช้าและเป็นสิ่งที่น่าชื่นใจในความเป็น ต้นไม้มะริด ที่เป็นไม้เนื้อดี อีกทั้งมีสีสัน และลวดลายงดงามวิจิตร ที่ธรรมชาติประทานให้เรามา

ต้นมะริด ไม้หายาก ไม้ในฝัน

        ไม้ในฝันที่หายากมากที่สุดของช่างทำเครื่องดนตรีไทย คือ ไม้มะริด ใช้ทำเครื่องดนตรีที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์เหมือนชื่อ และก็เป็นที่มาของเสียงอันไพเราะของเครื่องดนตรี ถ้าเครื่องดนตรีชนิดใดที่ทำมาจากไม้มะริดแล้วละก็ จะมีราคาที่แพงริบริ่วเลยครับ เพราะเสียงจะใสและกังวาลมาก ฝรั่งนิยมาหาซื้อแถวโซนเอเซียตะวันออก ปัจจุบันเกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว  ซึ่งสามารถทำเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น ซอด้วง ซออู้ ซอสามสาย กลอง โทน รำมะนา ระนาด ตะโพน กีต้า ไวโอริล ฯลฯ

ลักษณะผลมะริด เปลือกแดงเป็นกำมะหยี่

น่าดีใจใน ภูมิปัญญาความรู้ ของช่างดนตรีไทยในอดีต ทำให้ผมอยากรู้จังเลยว่า ท่านใดหนอ เป็นคนพบเจอสรรพคุณอันครบสูตรของไม้ต้นนี้ (คงต้องจุดธูปถาม) นอกจากความสวยของดอก ผลขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นหอมและหวาน อร่อยแปลกทั้งสุกและดิบ ใครไม่รู้ต้องนึกว่าเป็น ผลท้อกินสดแน่ๆเชียว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ข้อมูลต้นมะริด

ประโยชน์ ไม้มะริด

         ใช้ทำเครื่องเรือน เครื่องใช้ชั้นดี ด้ามเครื่องมือ หีบบุหรี่ หีบประดับมุก กรอบรูป ด้ามปืน เครื่องดนตรี เครื่องลางของขลังฯลฯ

 

มะม่วงงาช้างแดง

มะม่วงงาช้างแดง

“มะม่วงงาช้างแดง” สุกทีหลังมะม่วงอื่น จึงขายราคาดี

ม่วงชนิดนี้ ถูกระบุว่ามีถิ่นกำเนิดที่ประเทศไต้หวัน แล้วกระจายพันธุ์ปลูกในเขตร้อนไปทั่วโลก ซึ่งในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่และประเทศอียิปต์นิยมรับประทานมาช้านานแล้ว โดย “มะม่วงงาช้างแดง” จะมีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ ผลมีขนาดใหญ่ ผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 3.5-4.2 กิโลกรัมต่อผล รูปทรงของผลสวยงามน่าชมมาก ปลายผลงอนดูคล้ายกับงาช้าง จึงถูกตั้งชื่อเป็นภาษาไทยว่า “มะม่วงงาช้างแดง” ตามสีของผิวผลและลักษณะผลดังกล่าว ผลดิบสีเขียวอมม่วงแล้วจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเข้มตลอดทั้งผลเมื่อแก่จัดหรือสุก ตามภาพประกอบคอลัมน์ เวลาติดผลดกผลห้อยเป็นระย้างดงามยิ่งนักผลอ่อน มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อผลแก่จัดมีรสหวานปนมันเหมือนกับเนื้อมะม่วงเขียวเสวยของไทยทุกอย่าง ผลสุกเนื้อในเป็นสีเหลืองอมส้ม รสชาติหวานหอม เนื้อไม่เละแม้สุกงอม ไม่มีเสี้ยน วัดความหวานของผลสุกได้ประมาณ 15–18 องศาบริกซ์ ไม่มีกลิ่นขี้ไต้เหมือนมะม่วงต่างประเทศทั่วไป รับประทานอร่อยมาก เมล็ดเล็ก และที่สำคัญ “มะม่วงงาช้างแดง” จะแก่จัดหรือสุกในช่วงที่มะม่วงสายพันธุ์อื่นๆได้วายไปจากตลาดผลไม้หมดแล้ว จึงทำให้ผู้ปลูกสามารถเก็บผลขายได้ราคาดีและตลาดต้องการเยอะ เวลาติดผลจะเป็นพวง 5-7 ผล ติดผลไม่ขาดต้นหรือเกือบทั้งปี ต้นสูงเต็มที่ไม่เกิน 2.5–3 เมตรเท่านั้น แตกกิ่งก้านแผ่ออกทางด้านข้างเป็นพุ่มกว้างโดยธรรมชาติของสายพันธุ์ ทำให้ผู้ปลูกสามารถเก็บผลผลิตได้ง่ายขึ้น ให้ผลผลิตหรือมีดอกติดผลหลังปลูกเพียงแค่ 3-4 ปีแค่นั้น ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือนหรือเก็บผลขายได้ราคาดี เพราะมีผลแก่จัดหรือผลสุกหลังจากมะม่วงพันธุ์ต่างๆ วายไปจากตลาดผลไม้แล้วนั่นเอง